- นโยบาย
1.1.ในภาวะปกติ รัฐบาลจะส่งเสริมการใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทั้งในภาครัฐและเอกชน
เพื่อป้องกันการป่วย การตาย และผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโรคไข้หวัดใหญ่ในแต่ละปี
ทั้งนี้การกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงทางการแพทย์
1.2. เมื่อมีการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในประเทศ รัฐบาลจะสนับสนุนการใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ในแต่ละปี
ให้มีปริมาณเพียงพอในการรักษาระดับการผลิต ให้ถึงระดับที่โรงงานจะสามารถปรับเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดการระบาดได้มากพอ
เมื่อเกิดการระบาดใหญ่ในมนุษย์
1.3. เมื่อเกิดการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์ รัฐบาลจะจัดหาวัคซีนและจัดระบบบริการแก่ประชาชนไทยได้เพียงพอและทันเวลา
- คำแนะนำการใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกรณีปกติ
2.1 ชนิดของวัคซีน
2.1.1. เลือกใช้วัคซีนที่ผลิตจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่น่าจะเป็นเหตุของการระบาดในแต่ละฤดูกาล
ซึ่งแนะนำโดยองค์การอนามัยโลก และตรวจสอบกับผลการเฝ้าระวังทางไวรัสวิทยาในประเทศไทย
2.1.2 อาจเลือกใช้วัคซีนประเภท sub-unit หรือ split ซึ่งได้จากการเพาะเลี้ยงเชื้อในไข่ไก่ฟัก
หรือในเซล ที่ผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน GPM และขึ้นทะเบียนในประเทศ
2.1.3 หากมีการผลิตวัคซีนในประเทศ ให้เลือกใช้วัคซีนที่ผลิตในประเทศเป็นอันดับต้น
2.2 ประชากรเป้าหมาย
จัดลำดับความสำคัญดังนี้
กลุ่มที่หนึ่ง บุคลากรที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรค
ทั้งโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล และไข้หวัดนก (H5N1) ซึ่งบุคลากรกลุ่มนี้อาจเป็นผู้แพร่โรคต่อไปถึงกลุ่มผู้มีความเสี่ยงต่อโรคสูง
และ/หรือ เป็นผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลและไข้หวัดนกพร้อมๆ
กัน เป็นแหล่งให้เกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อไข้หวัดนกได้ ได้แก่
1.) แพทย์ พยาบาล
และบุคลากรอื่นๆ ในโรงพยาบาลทั้งที่ทำงานในหอผู้ป่วยและตึกผู้ป่วยนอก
2.) เจ้าหน้าที่ในสถานพยาบาลพักฟื้น
และสถานที่บำบัดสำหรับผู้ป่วยเรื้อรัง
3.) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ทำหน้าที่ในการสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว
4.) เจ้าหน้าที่ทำลายซากสัตว์ปีก
และสัตว์อื่นที่สงสัยติดเชื้อไข้หวัดนก (H5N1)
5.) เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการตรวจวินิจฉัยไข้หวัดใหญ่
*โดยคณะทำงานจัดทำนโยบายการใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่และยังอยู่ระหว่างการนำเสนอ
คณะกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
กลุ่มที่สอง กลุ่มประชาชนที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดอาการแทรกซ้อน
หลังจากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ และบุคคลผู้ดูแลผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
( 1.) บุคคลทุกกลุ่มอายุที่มีโรคปอดเรื้อรัง
โรคหอบหืด ผู้ที่มีระบบหายใจไม่ปกติหรือเสี่ยงต่อการสำลัก ผู้ที่มีโรคลมชัก
ผู้ที่ไขสันหลังได้รับอันตราย ผู้ป่วยความจำเลอะเลือน ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบประสาทกล้ามเนื้อ
ผู้ป่วยโรคระบบหัวใจที่มิใช่โรคความดันโลหิตสูง
( 2.) บุคคลทุกกลุ่มอายุที่ต้องเข้ารับการรักษา
เป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาลอยู่เป็นประจำในปีก่อน ด้วยโรคเรื้อรังต่างๆ
ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคไต โรคเลือด ผู้มีภูมิคุ้มกันเสื่อมหรือบกพร่อง
ผู้ติดเชื้อเอ็ชไอวี รวมทั้งผู้ที่ได้รับยากดระบบอิมมูน
( 3.) บุคคลทุกกลุ่มอายุที่เข้ารับการดูแลบริบาลอยู่ในสถานพักฟื้น
และสถานที่รับดูแลโรคเรื้อรังต่างๆ
( 4.) บุคคลอายุ
6 เดือนถึง 18 ปี ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยแอสไพริน เป็นประจำเป็นเวลานาน
และมีความเสี่ยงสูงต่อการป่วยกลุ่มอาการไรย์ หากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่
( 5.) บุคคลที่อายุ
65 ปีขึ้นไป
( 6.) เด็กอายุ
6 เดือน ถึง 23 เดือน
( 7.) บุคคลผู้ดูแลผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
ข้อ ( 1.) ( 6.)
กลุ่มที่สาม กลุ่มอื่นๆ ได้แก่ บุคคลที่ทำหน้าที่สาธารณะ
หญิงตั้งครรภ์ ผู้เดินทาง และประชาชนทั่วไป
2.3 ระบบบริการและแหล่งงบประมาณ
ประชากรเป้าหมายกลุ่มที่หนึ่ง
การบริการและการจัดหางบประมาณให้รัฐบาลกำหนด
เป็นหน้าที่รับผิดชอบของนายจ้าง กล่าวคือ ในภาครัฐเป็นความรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุข
ในภาคเอกชนเป็นความรับผิดชอบของเจ้าของกิจการ
ประชากรเป้าหมายกลุ่มที่สอง
การบริการและการจัดหางบประมาณ
ให้รัฐบาลกำหนดอยู่ในลักษณะเดียวกับการบริการและจัดหางบประมาณสำหรับงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
โดยเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค
และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรงบประมาณประกันสุขภาพในประชากรกลุ่มต่าง
ๆ เช่น สำนักงานประกันสังคม เป็นต้น
ประชากรเป้าหมายกลุ่มที่สาม
การบริการและการจัดหางบประมาณ
ให้เป็นในภาคเอกชน ตามความต้องการส่วนบุคคล
- คำแนะนำการใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกรณีเกิดการระบาดใหญ่ในมนุษย์
3.1 ชนิดของวัคซีน
3.1.1. เลือกใช้วัคซีนที่ผลิตจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่น่าจะเป็นเหตุของการระบาดครั้งนั้น
ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก
3.1.2. เลือกใช้วัคซีนที่ให้ผลการทดลองทางคลีนิคเบื้องต้นว่ามีประสิทธิภาพป้องกันโรค
3.2 ประชากรเป้าหมาย
ประชาชนไทยทุกคน และให้เรียงลำดับความสำคัญ แก่กลุ่มบุคคลต่อไปนี้ก่อน
1.)
บุคลากรทางการแพทย์ที่ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่
2.)
บุคลากรทางการแพทย์ที่ดำเนินงานด้านควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ในชุมชน
3.)
บุคลากรทางการแพทย์ที่ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยที่ห้องฉุกเฉิน ผู้ป่วยนอก
และผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นไข้หวัดใหญ่
4.)
บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความสงบ เช่น ฝ่ายปกครอง ตำรวจ
ทหาร เป็นต้น
5.)
บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการบริการสาธารณะ เช่น พนักงานขนส่งสาธารณ
พนักงานไฟฟ้า พนักงานประปา พนักงานโทรศัพท์ เป็นต้น
6.)
ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป และมีปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลแทรกซ้อนเมื่อป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่
7.)
ผู้ที่อายุ 6 เดือน ถึง 64 ปี และมีปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลแทรกซ้อนเมื่อป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่
2 ปัจจัยขึ้นไป
8.)
หญิงตั้งครรภ์ บุคคลที่มีผู้ป่วยภาวะภูมิคุ้มกันต่ำในครอบครัวเดียวกันซึ่งฉีดวัคซีนไม่ได้
3.3 ระบบบริการและแหล่งงบประมาณ
รัฐบาลเป็นผู้จัดหางบประมาณทั้งในการจัดซื้อวัคซีน
วัสดุอุปกรณ์ และค่าใช้จ่ายอื่นในการบริการ
ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายให้การรณรงค์ให้วัคซีนเสร็จสิ้นภายในระยะเวลา
3 เดือน